
การออกแบบไทยแบบดั้งเดิมมีอิทธิพลต่องานของคุณอย่างไร และมีวัฒนธรรมหรือสไตล์อื่น ๆ ที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับแนวทางการสร้างสรรค์ของคุณหรือไม่?
การออกแบบไทยดั้งเดิมมีบทบาทสำคัญต่อแนวคิดและการออกแบบของเรา เพราะมันไม่เพียงแต่มอบเสน่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์ให้กับงานออกแบบ แต่ยังช่วยเพิ่มคุณค่าในแง่มุมของวัฒนธรรม และสร้างความภาคภูมิใจในฐานะที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเผยแพร่มรดกวัฒนธรรมในรูปแบบใหม่ที่สร้างสรรค์
มิติของ Traditional Thai ครอบคลุมทั้ง ศิลปะ วัฒนธรรม วิถีชีวิต และความเชื่อ ซึ่งเราได้นำแรงบันดาลใจจากองค์ประกอบเหล่านี้ เช่น ลวดลายไทย ตัวอักษร วรรณคดี สถาปัตยกรรม ศิลปหัตถกรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่น มาประยุกต์ใช้ในการออกแบบเชิงประสบการณ์ เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวที่ลึกซึ้งและสร้างความเชื่อมโยงทางอารมณ์กับผู้ใช้งาน
สิ่งนี้ช่วยให้ผู้คนได้สัมผัสถึงแก่นแท้ของวัฒนธรรมในทุกมิติ ทั้ง สายตา ความรู้สึก และการใช้งานจริง โดยเชื่อมโยง อดีตเข้ากับปัจจุบัน อย่างลงตัว
วัฒนธรรมถือเป็นแรงบันดาลใจสำคัญ ที่หล่อหลอมแนวทางการออกแบบของเราตั้งแต่แรกเริ่ม ในแทบทุกโปรเจกต์ เรามักจะผสานองค์ประกอบของวัฒนธรรมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของงานออกแบบ
เราไม่ได้จำกัดตัวเองกับวัฒนธรรมใดวัฒนธรรมหนึ่ง เพราะเราเชื่อว่า วัฒนธรรมแต่ละแห่งล้วนมีเสน่ห์และความลึกซึ้งเฉพาะตัวที่น่าค้นหา ความสำคัญอยู่ที่การเลือกนำเสนอวัฒนธรรมให้เหมาะสมกับ บริบทและเป้าหมาย ของแต่ละโปรเจกต์
ตัวอย่างเช่น:
• ในโปรเจกต์ Se La Va
เราได้นำเสนอความเรียบง่ายและวิถีชีวิตอันงดงามของชาวพม่าผสมผสานกับเสน่ห์พื้นถิ่นของชาวเกาะ
• สำหรับโปรเจกต์ Minami
เรานำความเป็นญี่ปุ่นมาผสานกับวัฒนธรรมภาคใต้ของไทย สร้างสมดุลระหว่างสองวัฒนธรรมที่แตกต่างกันอย่างลงตัว
• ส่วน Hotel Gahn
ถ่ายทอดมรดกทางวัฒนธรรมเปอรานากันในรูปแบบที่เชื่อมโยงความเป็น Heritage เข้ากับมุมมองที่ทันสมัยและร่วมสมัย
ในความคิดเห็นของคุณ อะไรที่ทำให้การออกแบบของไทยแตกต่างจากสไตล์การออกแบบระดับโลกอื่น ๆ?
การออกแบบแบบไทยมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นด้วยความวิจิตรบรรจงและความลึกซึ้งทางวัฒนธรรม
งานออกแบบไทยดั้งเดิม (Thai Traditional Design) สะท้อนถึง งานฝีมือที่ประณีตและละเอียดอ่อน และแฝงความหมายเชิงสัญลักษณ์ โดยหยั่งรากลึกในวัฒนธรรมที่สืบทอดมายาวนาน ทั้งจาก ความเชื่อทางศาสนา วิถีชีวิต และเรื่องราวในวรรณคดี
องค์ประกอบเหล่านี้สะท้อนถึงความงดงามเชิงศิลปะ แฝงไว้ด้วยเสน่ห์เหนือกาลเวลา ที่ถ่ายทอดคุณค่าทางวัฒนธรรมอย่างทรงพลัง ทำให้งานออกแบบแบบไทยแตกต่างอย่างโดดเด่นในเวทีระดับโลก
ในขณะเดียวกัน การออกแบบไทยร่วมสมัย (Thai Modern Design) ได้พัฒนาไปสู่ความงดงามที่สะท้อนถึงยุคปัจจุบัน โดยยังคงรักษาแก่นแท้ของความเป็นไทยไว้อย่างลงตัว
ความงดงามนี้เกิดจากการผสมผสานเอกลักษณ์พื้นถิ่นของแต่ละภูมิภาคเข้ากับความเรียบง่ายในแบบ minimalism
สร้างงานที่ไม่เพียงโดดเด่นในเชิงสุนทรียศาสตร์ แต่ยังสื่อถึง ความอบอุ่นและความจริงใจ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของคนไทย
พร้อมสะท้อนจิตวิญญาณแห่งความเป็นชุมชน นำเสนอเรื่องราวและคุณค่าทางวัฒนธรรมที่ล้ำสมัยและยั่งยืนในเวทีระดับโลก
คุณมองเห็นการพัฒนาของการออกแบบไทยในยุคดิจิทัลอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการเพิ่มขึ้นของ AI และเทคโนโลยีใหม่ ๆ?
ฉันมองว่าวงการออกแบบไทยกำลังพัฒนาไปในทิศทางที่น่าตื่นเต้น สร้างสรรค์ และตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคลได้มากขึ้น ด้วยการผสมผสาน เทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น AI และ เทคโนโลยีดิจิทัล กับศิลปะวัฒนธรรมไทยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการออกแบบ เช่น
• การสร้าง ลวดลายไทยที่ซับซ้อน
• การพัฒนาองค์ประกอบแบบ อินเตอร์แอคทีฟ (interactive) ที่สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการ
หนึ่งในตัวอย่างที่สะท้อนการพัฒนานี้คือ Carnival Magic Phuket ที่มีชื่อเสียงในระดับโลก ซึ่งผสมผสานศิลปะแบบไทยดั้งเดิมเข้ากับเทคโนโลยีดิจิทัลได้อย่างน่าทึ่ง
โดยนำเสนอ วัฒนธรรมประเพณีไทยผ่านรูปแบบ digital art ที่มีองค์ประกอบ interactive ช่วยให้ผู้ชมสามารถมีปฏิสัมพันธ์และสัมผัสความงดงามของวัฒนธรรมไทยได้ใน มิติใหม่ที่ร่วมสมัย
ผลงานเหล่านี้สร้างความประทับใจและเข้าถึงได้ง่ายในระดับสากล ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพของการออกแบบไทยในยุคดิจิทัล
บนเว็บไซต์ของคุณ คุณพูดถึงแนวคิดที่ว่า 1+1 ไม่ได้เท่ากับ 2 เสมอไป คุณช่วยอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ และมันมีผลต่อความคิดสร้างสรรค์ของคุณอย่างไร?
สำหรับฉัน แนวคิดที่ว่า 1+1 ไม่จำเป็นต้องเท่ากับ 2
เป็นการสะท้อนถึง วิธีคิดสร้างสรรค์ที่ไม่ยึดติดกับกรอบเดิม ๆ และเปิดโอกาสให้เกิดความเป็นไปได้ที่ไร้ขีดจำกัดในงานออกแบบ
งานออกแบบไม่ได้มีคำตอบเพียงแนวทางเดียว แต่ละวิธีคิดสร้างสรรค์สามารถนำไปสู่ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
สิ่งสำคัญคือ
• การเปิดรับมุมมองใหม่ ๆ
• การตั้งคำถามกับสิ่งที่คุ้นเคย
• การกล้าที่จะสำรวจแนวทางที่หลากหลาย
โดยไม่จำกัดตัวเองอยู่กับรูปแบบหรือวิธีแก้ปัญหาเดิม ๆ
ความงามในงานออกแบบไม่ได้จำกัดอยู่ที่รูปแบบที่ ‘ถูกหรือผิด’ หรือคำตอบเดียวที่ดีที่สุด
เพราะความงามเป็นเรื่องของปัจเจกบุคคลและสะท้อน มิติทางความคิดที่ลึกซึ้ง
สำหรับฉัน กระบวนการออกแบบที่แท้จริงไม่ใช่เพียงการแก้ปัญหา แต่เป็นการ ค้นหาความหมายใหม่ ๆ จากสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้
การผสมผสานระหว่างความคิดสร้างสรรค์และการเปิดรับมุมมองที่หลากหลาย ช่วยให้เราสร้างสรรค์งานที่เชื่อมโยงกับผู้คนได้ในระดับที่ ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
สุดท้าย แนวคิดนี้ยังช่วยผลักดันให้ฉันมองโจทย์การออกแบบในฐานะโอกาสที่ไม่มีขอบเขต
และสร้างงานที่ไม่เพียงตอบโจทย์ แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนในแบบที่ แตกต่างและคาดไม่ถึง
คุณคิดว่าลูกค้ามีความพร้อมที่จะเลือกงานออกแบบที่แตกต่างและแปลกใหม่มากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาหรือไม่? และคุณสนับสนุนให้พวกเขายอมรับแนวทางการออกแบบที่สร้างสรรค์ได้อย่างไร?
ถูกต้องเลยว่าทุกวันนี้ลูกค้ามักมองหางานออกแบบที่ไม่เหมือนใคร
พวกเขาอยากให้แบรนด์ของตัวเองมี เอกลักษณ์ (unique character) ที่ชัดเจน และแตกต่างจากคู่แข่ง
แต่ในขณะเดียวกัน ระดับความกล้าที่จะก้าวออกจากกรอบเดิม ๆ ของลูกค้าแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน
• บางคนมองงานออกแบบในแง่ของ ความสวยงามทางสายตาเท่านั้น (visual design)
• แต่ก็มีลูกค้าจำนวนไม่น้อยที่มองไปไกลกว่านั้น
พวกเขาเข้าใจว่างานออกแบบไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของภาพลักษณ์
แต่เป็นเรื่องของ การสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างและน่าจดจำ
การกระตุ้นให้ลูกค้ายอมรับ innovative design
จำเป็นต้องเริ่มต้นจากการ:
1. กลับไปทบทวนวิสัยทัศน์ เป้าหมายในการพัฒนา และตำแหน่งของแบรนด์ (brand positioning) ที่พวกเขาวางไว้
2. ทำให้พวกเขาเข้าใจว่า innovative design
• ไม่ใช่แค่การมอบความแปลกใหม่ในงานออกแบบ
• แต่ยังสามารถส่งผลให้แบรนด์ของพวกเขา เติบโต และ สร้างการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก
• ทั้งในแง่ของ การเชื่อมต่อกับกลุ่มเป้าหมาย
• การสร้างเอกลักษณ์ที่แข็งแกร่ง
• และ การผลักดันแบรนด์ให้มีบทบาทที่ยั่งยืนในตลาด
อย่างไรก็ตาม เราเข้าใจดีว่ารสนิยมและความชอบส่วนตัวของลูกค้าก็มีบทบาทสำคัญ
เพราะท้ายที่สุดแล้ว แบรนด์คือตัวแทนของพวกเขา ไม่ใช่ของผู้ออกแบบ
เราจึงต้องสังเกตและใช้ไหวพริบในการผสมผสานความชอบของลูกค้า
เข้ากับแนวคิดที่มี เอกลักษณ์และสร้างสรรค์
เพื่อสร้างงานออกแบบที่:
• ไม่เพียงสะท้อนความสวยงาม
• แต่ยังเต็มไปด้วย ความหมาย และ ความอิ่มเอมใจ สำหรับพวกเขา
คุณผสมผสานแนวทางการออกแบบที่ยั่งยืนเข้ากับงานของคุณอย่างไร และคุณมองว่าเรื่องนี้จะมีผลต่ออนาคตการออกแบบในประเทศไทยอย่างไร?
ปรัชญาและแรงผลักดันของเราคือการมอบคุณค่าและสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับผู้คนผ่านงานออกแบบ
แนวทางการออกแบบของเราจึงเชื่อมโยงกับ ความยั่งยืน (sustainability) อยู่เสมอในทุกโปรเจ็กต์ โดยเราจะพิจารณาว่าลักษณะธุรกิจของลูกค้าเหมาะสมที่จะผลักดัน มิติใดของ Sustainable Design และมองหาโอกาสที่สามารถนำมาปรับใช้ได้จริง
ตัวอย่างเช่น ในธุรกิจทัวร์ทางทะเล
เราให้น้ำหนักเรื่อง การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact)
• ตั้งแต่การเลือกใช้ วัสดุรีไซเคิลในงานออกแบบ
• ไปจนถึงการสร้าง กิจกรรมอนุรักษ์ที่นักท่องเที่ยวสามารถมีส่วนร่วมได้ เช่น
• การนำฝาขวดน้ำดื่มมาหลอมเป็นของที่ระลึกที่มีเอกลักษณ์และมีคุณค่า
• รวมถึงการออกแบบเส้นทางท่องเที่ยวที่เน้น ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (eco-friendly)
• พร้อมให้ความรู้เกี่ยวกับ ระบบนิเวศทางทะเล เพื่อปลูกจิตสำนึกด้านความยั่งยืนในระยะยาว
สำหรับธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ท
เราเห็นโอกาสในการ:
• สนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่น (Supporting Local Economy)
• และการส่งเสริม ความยั่งยืนทางวัฒนธรรม (Cultural Sustainability)
ตัวอย่างเช่น:
• การใช้สินค้าจากชุมชนเพื่อ กระจายรายได้สู่คนในพื้นที่
• การนำวัสดุท้องถิ่นมาสร้างสรรค์ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในแบรนด์ของโรงแรม
• หรือการประยุกต์ วัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น ในงานออกแบบอัตลักษณ์แบรนด์ (brand identity)
สิ่งเหล่านี้ช่วยให้แบรนด์ของลูกค้ามี เอกลักษณ์ที่ชัดเจน และ มีคุณค่าที่ลึกซึ้งเชื่อมโยงกับชุมชน
ฉันเชื่อว่า Sustainable Design จะเปลี่ยนแปลงมุมมองของนักออกแบบในประเทศไทย
โดยทำให้งานออกแบบกลายเป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหาด้าน
• สิ่งแวดล้อม
• สังคม
• และ เศรษฐกิจ
มากกว่าการเน้นเพียงความสวยงาม
นอกจากนี้ แนวทางนี้ยังช่วยเชื่อมโยงนักออกแบบเข้ากับ ชุมชนท้องถิ่น ผ่านการใช้
• วัสดุ
• งานฝีมือ
• และ องค์ความรู้ที่สะท้อนถึงอัตลักษณ์ของพื้นที่
ซึ่งไม่เพียงช่วยส่งเสริม เศรษฐกิจหมุนเวียน (circular economy) ในระดับชุมชน แต่ยังช่วยสร้างแบรนด์ที่ แตกต่างและมีความหมายในเชิงสากล
คุณช่วยแชร์โครงการจากงานของคุณที่คุณรู้สึกว่ามีความหมายหรือส่งผลกระทบต่อคุณเป็นพิเศษได้ไหม?
Thavorn Beach Resort
เป็นหนึ่งในโปรเจกต์ที่สำคัญและเป็นโปรเจกต์แรกของเรา เราได้ทำการ rebranding รีสอร์ทระดับ 5 ดาวแห่งแรกของจังหวัดภูเก็ต โดยนำ เอกลักษณ์ดั้งเดิม ของรีสอร์ท 3 ประการ ได้แก่
1. “ความเป็นที่แรก”
2. “ธรรมชาติอันเขียวชอุ่ม”
3. “หัตถศิลป์”
มาสร้างสรรค์ออกแบบใหม่ในมุมมองที่ร่วมสมัย
เรา ตั้งใจเปลี่ยนภาพลักษณ์ จากที่เคยถูกมองว่าการออกแบบในสไตล์ไทยดูเชย ให้กลายเป็นงานดีไซน์ที่สะท้อนถึง ความเก๋ไก๋และเสน่ห์ของความเป็นไทย ที่ผสมผสานอย่างลงตัวกับความทันสมัย
ผลลัพธ์ที่ได้เกินความคาดหมายอย่างมาก รีสอร์ทสามารถทำ สถิติอัตราการเข้าพักสูงที่สุดตั้งแต่เปิดให้บริการ และโปรเจกต์นี้ยังนำพาเราไปสู่ Transform Awards Asia-Pacific ซึ่งถือเป็นกำลังใจแรกเริ่มที่สำคัญของเราในเส้นทางสายการออกแบบแบรนด์
Hotel Gahn
เป็นโปรเจกต์ที่มีความโดดเด่นในแง่ของการเชื่อมโยง “วัฒนธรรมบาบ๋า” และ “เรื่องราวความผูกพันในครอบครัว” เข้ากับงานออกแบบ
เราได้นำเรื่องราวของ วัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชาวบาบ๋า มาถ่ายทอดผ่านแนวคิด
“กาลเวลาจากรุ่นสู่รุ่น”
ในงานออกแบบที่ให้ความรู้สึก
• อบอุ่น
• ร่วมสมัย
• และ สง่างาม ในแบบที่เข้าถึงได้
เราให้ความสำคัญกับ รายละเอียดในทุกมิติ ตั้งแต่
• การออกแบบ อัตลักษณ์แบรนด์ (brand identity)
• ไปจนถึงการสร้าง ประสบการณ์ที่น่าจดจำสำหรับผู้เข้าพัก
การได้ทำงานใกล้ชิดกับ ครอบครัวเจ้าของโรงแรม ที่มีความเป็นกันเองและเต็มเปี่ยมไปด้วย passion ทำให้กระบวนการทำงานนี้เต็มไปด้วย ความสนุกและความประทับใจ
ท้ายที่สุด เราภูมิใจที่ผลงานนี้ได้รับ Reddot Award สาขา Brand Design
ซึ่งสะท้อนถึง ความคิดสร้างสรรค์ และเป็นเครื่องยืนยันถึง คุณค่าที่เราตั้งใจสื่อสารผ่านงานออกแบบ
Se La Va
เป็นโปรเจกต์ที่ยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำของเราเสมอ เพราะเราได้มีโอกาส สำรวจและใช้ชีวิตอยู่บนเกาะเป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์
การได้สัมผัสความงดงามที่ไม่เพียงแค่ในเชิงธรรมชาติ แต่ยังรวมถึง การได้ร่วมงานกับชาวพม่าที่อาศัยอยู่บนเกาะ ทำให้เราได้เห็นถึง
• ความน่ารักจริงใจ
• และได้เรียนรู้ถึง ศิลปะ วัฒนธรรม และภูมิปัญญาของพวกเขา
ประสบการณ์เหล่านี้สร้างแรงบันดาลใจที่เปี่ยมล้นให้กับเราในการออกแบบ
• ทั้งในแง่ของ อัตลักษณ์ (brand identity)
• และการออกแบบ ประสบการณ์ (experience design)
เพื่อสะท้อนมุมมอง “ความสวยงามของธรรมชาติและความเรียบง่ายของวิถีชีวิตท้องถิ่น” ได้อย่างลึกซึ้ง
รางวัล German Design Award ที่เราได้รับจากโปรเจกต์นี้ไม่เพียงสร้าง ความภาคภูมิใจ แต่ยังเป็น แรงขับเคลื่อนสำคัญ ที่ทำให้เราเดินหน้าผลักดัน Sustainable Design ลงไปในทุกมิติของงานออกแบบในโปรเจกต์ถัดไป
